บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
ประเมินแนวโน้มตลาดวันนี้ว่าจะยังแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสนัก จากสถานการณ์รุนแรงระหว่างอินเดียและปากีสถาน ขณะที่ผู้แทนการค้าสหรัฐฯกล่าวว่าจีนยังต้องดำเนินการกว่าแค่แค่ซื้อสินค้าสหรัฐฯ ทำให้การ บรรลุข้อตกลงยังต้องใช้ระยะเวลา
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ผ่อนคลายช่วยพยุงทั้งการแถลงของประธานเฟดที่ย้ำว่าจะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย และอาจเลิกปรับลดงบดุลปีนี้ รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่บวกแรง ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานให้ประคองตลาดได้ ส่วนประเด็นการเมืองในประเทศยังต้องตามต่อในวันที่ 7 มีนาคม ในประเด็นยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
มองว่าตลอดเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนีตลาดหุ้นแกว่งตัวในกรอบ 1,630-1,670 จุด หลังจากที่ปรับขึ้นเด่นกว่า 80 จุดใน เดือนมกราคม โดย 3 ปัจจัยที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดต่อจากนี้ ได้แก่
- ผลของสงครามการค้าที่เป็น Best case กล่าวคือไม่เพียงแค่ยกเลิกภาษี 25% แต่ต้องยกเลิกวงเงินภาษีณ ปัจจุบันที่ 2.5 แสนล้านออก ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อสมมติฐานกลุ่ม Global play
- การประชุมนักวิเคราะห์เพื่อดูการปรับประมาณการของอีพีเอส
- นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ
บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
ประเมินดัชนีตลาดหุ้นแกว่งตัวในกรอบ 1,660-1,675 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้ปัจจัยบวกจากเฟด ย้ําไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและวางแผนที่จะยุติการปรับลดงบดุลในปีนี้ รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่มีความคืบหน้าซึ่งหนุนต่อ sentiment การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความรุนแรงระหว่างอินเดียกับปากีสถานที่มีการยิงต่อสู้กันบริเวณพื้นที่ ความขัดแย้งในแคชเมียร์ แรงขายทำกำไร หลังการประกาศงบและเงินปันผล 2562 รวมถึงกระแสฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่ชะลอตัวลงจะเป็นตัวถ่วงให้ดัชนีมีความผันผวนต่อไป
บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน)
มองว่าดัชนีตลาดหุ้นมีโอกาสปรับลดลงภายใต้ Sentiment ลบ จากประเด็นต่างประเทศทั้งจากความไม่แน่นอนในการทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จากเดิมมีความคาดหวังบวกต่อการเจรจาที่มีมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมีเรื่องสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างปากีสถานและอินเดีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบิน โดยเฉพาะเส้นทางที่บินไปยุโรป หลังปากีสถานปิดน่านฟ้า